หนุ่มตกงาน เพราะมี ฝาแฝด ถูกเข้าใจผิด เป็นคนร้ายดักฟันอดีตเมียเจ็บสาหัสที่สมุทรปราการ ที่แท้มีฝาแฝด แยกกันตั้งแต่อายุ 2 เดือน หนุ่มโคราชวัย 32 ปี กลายเป็นจำเลยสังคม โดนตราหน้าเป็นคนผิดทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำ เกิดขึ้นจากกรณีมีข่าวแม่บ้านโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ วัย 48 ปี
ถูกอดีตแฟนหนุ่ม วัย 32 ปี ดักรอทำร้ายร่างกาย
ใช้มีดฟันที่กกหูขวา ใบหน้า และข้อมือทั้งสองข้างจนบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เหตุเกิด ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2565 บริเวณ ริมถนนนิคม-ลาดหวาย อ.บางเสาธง ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา หนุ่มโคราชผู้กลายเป็นแพะรับบาปแบบไมรู้เนื้อรู้ตัว ทราบชื่อ นายปฏิพันธ์ อายุ 32 ปี ชาวอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา โดยเจ้าตัวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ หลังมีภาพใบหน้าตนเองถูกสื่อหลายช่องนำเสนอหราหลายสำนัก ว่าเป็นผู้ต้องหา
นายปฏิพันธ์ เปิดใจถึงคนที่ลงก่อเหตุจริงๆ แล้วไม่ใช่ตนเอง แต่คนที่ลงมือทำร้ายอดีตเมียคือแฝดผู้น้องของตน ชื่อ นายปฏิพัทธ์ อายุ 32 ปี ชาวอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จากรายงานแฝดทั้งคู่แยกกันอยู่ตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน เพราะแม่มีฐานะยากจน จึงให้ป้านำน้องชายไปช่วยเลี้ยงดูที่จังหวัดสมุทรปราการ
หลังตกเป็นข่าว นายปฏิพันธ์ ต้องกลายเป็นคนตกงานเพราะเจ้าหนาที่ตำรวจมีการออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย เมื่อบริษัททราบเรื่องก็ถูกให้ออกจากงานทันที
แฝดผู้พี่ผู้บิรสุทธิ์ ยังเผยด้วยว่า ช่วงที่เกิดความเข้าใจผิดนั้นทำให้ขาดรายได้ไปมาก แถมต้งมาถูกชาวบ้านประณามด่าว่าเป็นคนร้าย จึงอยากขอความเป็นธรรมและขอความเห็นใจจากสังคม อยากให้สื่อฯ ที่นำเสนอข่าวออกไปแบบผิดๆ ช่วยแก้ไขรูปและชื่อคนร้ายให้ด้วย
ตอนท้าน นายปฏิพันธ์ เล่าว่าปัจจุบัน ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้แก้ไขหมายจับเป็นชื่อของนายปฏิพัทธ์แล้ว ในข้อหาพยายามฆ่า แต่แฝดผู้น้องผู้ก่อเหตุยังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้ตัวเองรวมทั้งแม่และญาติๆ ต่างหวาดกลัวว่าจะมาก่อเหตุซ้ำ จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ทิ้งศพในรถ 12 ชม. ตำรวจทางหลวง ชี้แจงแล้ว พร้อมเปิดขั้นตอนปฏิบัติหน้าที่
ตำรวจทางหลวงชี้แจง กรณี ทิ้งศพในซากรถ 12 ชั่วโมง ขั้นตอนปฏิบัติหน้าที่ หลังรับแจ้งเหตุ เผยมาพบผู้เสียชีวิตอีกที หลังเคลื่อนย้ายรถคันเกิดอุบัติเหตุแล้ว ภายหลังการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ศพชายวัย 68 ปี นายภัทรชัย คุณลุงที่เสียชีวิตแล้วต่อมาศพถูกทิ้งในรถนาน 12 ชั่วโมง หลังเกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565
โดยหลังการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบว่าศพติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวด้วยนั้น กก.8 บก.ทล. ขอชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุดังกล่าวจากศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB) พัทยา ว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.45 น. จากนั้นจึงได้ประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน รวม 9 นาย ให้รีบเข้า ให้การช่วยเหลือ อำนวยการจราจรจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07.54 น. ได้ร่วมกันตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมด ยืนยันว่า ไม่พบผู้บาดเจ็บ ญาติ หรือผู้เสียชีวิต จึงได้เคลื่อนย้ายรถไปเก็บไว้ที่หน่วยสอบสวนเขาเขียว เมื่อเวลา 09.28 น. จากนั้น พนักงานสอบสวนได้ติดตามพร้อมสอบถามไปยังโรงพยาบาล หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ และสอบถามทางญาติ ทราบว่ายังไม่พบตัวผู้ขับขี่ จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่รถอีกครั้ง เมื่อเวลา 18.00 น. พบมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ หลังจากนั้น จึงได้แจ้งให้ญาติทราบและทำการชันสูตรพลิกศพ เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมการจราจร (CCB) กรณีเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รถวิทยุตรวจเขต รถยก รถกู้ชีพ จะเข้าไปยัง ที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสภาพสถานที่เกิดเหตุ มีการกีดขวางการจราจรหรือไม่ พร้อมตรวจสอบผู้ประสบเหตุ ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย
กรณีอุบัติเหตุดังกล่าว เมื่อได้รับแจ้งเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบเข้าตรวจสอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าวแล้วไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในตัวรถ เชื่อว่า มีพลเมืองดีนำผู้ผู้บาดเจ็บหรือผู้ขับขี่ ส่งโรงพยาบาล จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายรถมาเก็บรักษาไว้ เพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่อไป
ระหว่างนั้นพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ขับขี่ จึงได้หาข้อมูลติดต่อญาติผู้ขับขี่ทางโทรศัพท์แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไปตรวจสอบเอกสารภายในรถ พบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่บริเวณใต้พวงมาลัยรถ จึงได้แจ้งแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และอยู่ในระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป